 |
 |
 |
|
|
วิธีการเลือกขนาดเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS |
|
|
การเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้าสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ การเลือกขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งมีขั้นตอนการคำนวณดังต่อไปนี้ |
|
|
1. เลือกอุปกรณ์ทั้งหมดที่ต้องการป้องกันด้วยเครื่องสำรองไฟฟ้า |
|
|
2. ดูรายละเอียดว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้กำลังไฟฟ้าเท่าไหร่ (ดูที่ฉลากหลังเครื่อง หรือคู่มือ) ซึ่งอาจจะระบุเป็น A (Ampere) หรือ W (Watt) |
|
|
3. ค่ากำลังไฟฟ้าของแต่ละอุปกรณ์จะต้องเปลี่ยนเป็น โวลต์-แอมป์ (VA) หรือ วัตต์ (Watt) เพื่อทำให้สามารถรวมเข้าเป็นหน่วยเดียวกัน |
|
|
กรณีที่ระบุเป็นแอมป์ (Ampere) : VA = Volt X A (Volt คือแรงดันไฟฟ้าของอุปกรณ์ = 220 Volt {Vac}) |
|
|
กรณีที่ระบุเป็นวัตต์ (Watt) : VA = W / 0.6 (0.6 คือค่า Power Factor* ของอุปกรณ์ มีค่า = 0.6-0.7) |
|
|
{ค่า Power Factor (PF) คือค่าตัวเลขอัตราส่วนของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้งานจริง (Real Power;P) ซึ่งมีหน่วยเป็นวัตต์ (Watt;W) หารด้วยค่าำพลังงานที่ปรากฎ (Apparent Power;S) ซึ่งมีหน่วยเป็นวีเอหรือโวลต์-แอมป์ (VA)} |
|
|
4. เมื่อคำนวณได้ค่า VA รวมของอุปกรณ์แล้ว ก็สามารถเลือกขนาดการจ่ายกำลังของ UPS ได้โดยให้ขนาดการจ่ายกำลังของ UPS มี มากกว่า ค่า VA รวมของอุปกรณ์ประมาณ 10-20% เพื่อประสิทธิภาพอันสูงสุดในการใช้งาน โดยปกติเครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) จะสำรองไฟได้ประมาณ 5-10 นาที (ขึ้นอยู่กับขนาด UPS แต่ละรุ่น) หากต้องการให้ระยะเวลาสำรองที่นานขึ้น ทำได้โดยเลือกเครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีขนาด VA ใหญ่ขึ้นและเลือกเครื่องสำรองไฟฟ้าที่สามารถต่อแบตเตอรี่เพ่ิมเติมได้ภายนอก (รุ่น S Series ขึ้นไป) |
|
|
|